หมอแนะกินปลาดีต่อสมอง
มีความตั้งใจส่งเสริมให้คนไทยเห็นประโยชน์ของโอเมก้า 3 ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อระบบประสาทและหัวใจ โดยเฉพาะเด็กในวัยเรียนหากได้รับการดูแลเอาใจใส่จากผู้ปกครองตั้งแต่เด็ก ด้วยการเสริมสร้างโอเมก้า 3 ในรูปแบบของอาหาร จะส่งผลดีต่อระบบความจำและการเรียนรู้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบลคมอร์ส จากประเทศออสเตรเลีย โดย วรพรรณ ยรรยง ผู้จัดการฝ่ายการตลาด จัดงานแบลคมอร์ส “food for thought” เสริมความรู้โอเมก้า 3 ในรูปแบบของอาหาร ซึ่งได้สองแม่ลูก ฐิติมา สุตสุนทร ควงลูกสาว น้องปันปัน-เต็มฟ้า กฤษณายุธ และชาคริต แย้มนาม ร่วมสาธิตเมนูที่อุดมไปด้วยประโยชน์ของโอเมก้า 3 สเต๊กปลากะพงแดงกับซอสมิ้นท์ และเมนูสเต๊กปลาแซลมอนซาวครีมซอส รวมถึงได้ พญ.อรพิชญา ไกรฤทธิ์ หน่วยเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล ร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของโอเมก้า 3
พญ.อรพิชญา กล่าวว่า โอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะในโอเมก้า 3 มีสารอีพีเอ และดีเอชเอ ซึ่งอีพีเอนั้นช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองสะอาด เมื่อเลือดไปเลี้ยงสมองดี เซลล์สมองก็จะแข็งแรง ส่วนดีเอชเอเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ของเซลล์สมอง ถ้ากินเข้าไปจะสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายได้ด้วย ทั้งนี้ สมาคมโรคหัวใจสหรัฐอเมริกา แนะนำให้กินปลาสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพราะในปลาอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ซึ่งคนที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจควรได้รับโอเมก้า 3 ประมาณ 300 มิลลิกรัมต่อวัน ส่วนผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดจะต้องการปริมาณโอเมก้า 3 ที่มากกว่านั้น และอาจสูงถึง 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ในผู้ป่วยที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูง
นอกจากปลาทะเลที่ให้โอเมก้า 3 แล้ว พญ.อรพิชญา แนะนำว่า ยังสามารถหาแหล่งโอเมก้า 3 ได้จากธัญพืชต่าง ๆ เช่น แฟลกซีด ถั่วเหลือง เมล็ดถั่วต่าง ๆ พืชตระกูลน้ำเต้าได้อีกด้วย สำหรับผู้ที่ไม่สามารถได้รับโอเมก้า 3 เพียงพอจากแหล่งอาหารข้างต้น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาอาจเป็นอีกตัวช่วยที่สะดวกขึ้น แต่ต้องเลือกผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน ผลิตภัณฑ์ผ่านการตรวจสอบปริมาณสารปรอทและตะกั่วซึ่งมักปนเปื้อนได้ง่ายในน้ำมันปลาที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงควรระบุปริมาณอีพีเอ และดีเอชเอที่ฉลากให้ชัดเจนด้วย นอกจากนี้ควรให้ความสำคัญกับการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่และมีความหลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับปริมาณสารที่จำเป็น และที่สำคัญควรฝึกสมองให้มีสุขภาพดี โดยให้ความสำคัญกับการฝึกสมาธิ การคิดในแง่บวก และเมื่อเกิดความเครียดให้หันไปออกกำลังกาย เพียงแค่นี้ก็จะมีสุขภาพที่ดี.
พญ.อรพิชญา กล่าวว่า โอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะในโอเมก้า 3 มีสารอีพีเอ และดีเอชเอ ซึ่งอีพีเอนั้นช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองสะอาด เมื่อเลือดไปเลี้ยงสมองดี เซลล์สมองก็จะแข็งแรง ส่วนดีเอชเอเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ของเซลล์สมอง ถ้ากินเข้าไปจะสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายได้ด้วย ทั้งนี้ สมาคมโรคหัวใจสหรัฐอเมริกา แนะนำให้กินปลาสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพราะในปลาอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ซึ่งคนที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจควรได้รับโอเมก้า 3 ประมาณ 300 มิลลิกรัมต่อวัน ส่วนผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดจะต้องการปริมาณโอเมก้า 3 ที่มากกว่านั้น และอาจสูงถึง 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ในผู้ป่วยที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูง
นอกจากปลาทะเลที่ให้โอเมก้า 3 แล้ว พญ.อรพิชญา แนะนำว่า ยังสามารถหาแหล่งโอเมก้า 3 ได้จากธัญพืชต่าง ๆ เช่น แฟลกซีด ถั่วเหลือง เมล็ดถั่วต่าง ๆ พืชตระกูลน้ำเต้าได้อีกด้วย สำหรับผู้ที่ไม่สามารถได้รับโอเมก้า 3 เพียงพอจากแหล่งอาหารข้างต้น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาอาจเป็นอีกตัวช่วยที่สะดวกขึ้น แต่ต้องเลือกผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน ผลิตภัณฑ์ผ่านการตรวจสอบปริมาณสารปรอทและตะกั่วซึ่งมักปนเปื้อนได้ง่ายในน้ำมันปลาที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงควรระบุปริมาณอีพีเอ และดีเอชเอที่ฉลากให้ชัดเจนด้วย นอกจากนี้ควรให้ความสำคัญกับการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่และมีความหลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับปริมาณสารที่จำเป็น และที่สำคัญควรฝึกสมองให้มีสุขภาพดี โดยให้ความสำคัญกับการฝึกสมาธิ การคิดในแง่บวก และเมื่อเกิดความเครียดให้หันไปออกกำลังกาย เพียงแค่นี้ก็จะมีสุขภาพที่ดี.
มีสาระดี
ตอบลบมิน่า นิด้าถึงเก่ง และสวย ^^
ตอบลบ